ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มองดูแล้วว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีแนวโน้มยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่สร้างความเสียหายมาก ไม่น่าจะพ้นภัยธรรมชาติจากการเกิดแผ่นดินไหว และเหตุอุทกภัย ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไม่น้อย ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บริเวณจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ผู้เกี่ยวข้องได้มีการซ้อมแผนเพื่อรองรับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนในมุมมองของนักวิชาการระบุว่า โอกาสเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ใน จังหวัดกาญจนบุรี น้อยมาก
นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า การซ้อมแผนบรรเทาสาธารณภัยมีความจำเป็นและสำคัญมาก เพราะเหตุภัยพิบัติไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่อย่างไร แต่ถ้าหากพี่น้องประชาชนรู้ถึงเรื่องสภาพพื้นที่ และสภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติทางน้ำ ทั้งเรื่องแผ่นดินไหว หรือไฟไหม้ก็ตามประชาชนก็จะมีความพร้อมเป็นอย่างดี การซ้อมแผนก็จะเป็นการแนะนำให้ผู้ประสบภัยรู้ว่า ถ้าหากเกิดภัยพิบัติขึ้นพวกเขาจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เริ่มตั้งแต่ที่บ้านมาจนถึงจุดรวมพล และจะทำให้ส่วนราชการและทุกองค์กร ทั้งภาคมูลนิธิ หรือภาคประชาชนที่จะเข้ามาช่วยเหลือจะได้รับรู้ว่าจะเข้ามาช่วยอะไรอย่างไรบ้าง ก็จะเกิดความสมบูรณ์ขึ้น สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดคือ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อะไรทั้งนั้น แต่หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ต้องเกิดความเสียหายน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามเรียนยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า จังหวัดกาญจนบุรี เชื่อมั่นในภัยพิบัติที่จะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีเรื่องแผ่นดินไหวทำให้เขื่อนแตก เรียนยืนยันว่าจากข้อมูลที่มีอยู่และรับทราบ
ในการเตรียมความพร้อมเรื่องการสร้างเขื่อนทั้ง 2 แห่ง ของจังหวัดกาญจนบุรี มีความมั่นคงปลอดภัยและมีระบบการตรวจสอบที่ดีพอ เพราะฉะนั้น เชื่อมั่นได้ว่าไม่เกิดเขื่อนแตกแน่นอน
ด้าน พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ในการช่วยเหลือประชาชนทางจังหวัดทหารบก ได้สั่งการชัดเจนว่าให้หน่วยทหารในพื้นที่ ได้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่จนสุดความสามารถ ในพื้นที่ของจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี จากเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้น ได้มีการกำหนดว่าหากมีการเกิดแผ่นดินไหวและเขื่อนศรีนครินทร์มีการปล่อยน้ำอย่างแรงและรวดเร็ว ก็จะมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน เพราะฉะนั้น จังหวัดทหารบกกาญจนบุรี ก็ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ในการอพยพประชาชนจัดเป็นชุดบรรเทาสาธารณภัยขึ้น กระจายออกเป็น 4 จุดด้วยกัน ตลอดแนวยาวลำน้ำแคว ในพื้นที่ของเขตเทศบาลตำบลลาดหญ้า และได้นำประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอพยพเข้ามาในพื้นที่จังหวัดทหารบกกาญจนบุรี นั้นก็หมายความว่าจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี เป็นเซฟโซนที่ปลอดภัยในการที่จะอพยพประชาชน
ส่วน นายวันจักร จันทร์สว่าง เจ้าหน้าที่เฉพาะกิจส่วนกลางมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์มีทีมกู้ภัย ทีมกู้ชีพ และมีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว อาคารถล่ม หรือภัยพิบัติที่เกิดจากเขื่อน กรณีเขื่อนเกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหว ทางมูลนิธิฯ มีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนในทุก ๆ ด้าน และยังมีเครือข่ายที่อยู่นอกพื้นที่ ที่พร้อมจะเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาการซักซ้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานที่ช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งมีการซ้อมอยู่เป็นประจำจึงมีความพร้อม แต่ปัญหาของจังหวัดกาญจนบุรีในตอนนี้ มีการซ้อมเฉพาะหน่วยราชการ ภาคประชาชนยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติกรณีสมมุติเขื่อนเกิดวิกฤติแล้วได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ประชาชนจะไปอยู่ที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหนในการอพยพออกจากบ้าน และจะไปอย่างไร ในส่วนนี้ข้อมูลยังไม่ถึงประชาชน เพราะฉะนั้น หากฝ่ายราชการสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปให้ประชาชน ตนคิดว่าความเสียหายจะน้อย
สำหรับ ดร.ปริญญา พุทธาพิบาล รองอธิการฝ่ายวิทยาเขตกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะนักวิชาการระบุว่า ในส่วนของภัยพิบัติที่มองกันว่า เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จริง ๆ แล้ว พิบัติภัยที่รุนแรงตามสถิตินั้นยังเท่าเดิมเพียงแต่ว่าการสื่อสารนั้นอาจจะเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกว่าเกิดมากขึ้น จริง ๆ แล้วตามสถิติโดยเฉพาะแผ่นดินไหวนั้นความรุนแรงในแต่ละปีจะใกล้เคียงกับของเดิมมาก ระดับ 7 ประมาณ 18 ครั้งต่อปี ระดับ 3 ประมาณ 1 แสนครั้งต่อปีทั่วโลก จริงอยู่แผ่นดินไหวนั้นเราไม่สามารถจะทำนายล่วงหน้าได้ แต่เรารู้ว่าความรุนแรงของในแต่ละพื้นที่นั้นเป็นอย่างไร ในส่วนของประเทศไทยนั้นความเสี่ยงก็ถือว่าอยู่ในระดับขอบ ๆ ของความเสี่ยงของพม่าและระดับขอบ ๆ ของความเสี่ยงของพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลก ถ้ามองจากข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทางภาคเหนือของประเทศไทยจะมีความเสี่ยงลำดับที่ 1 ของประเทศ ลำดับที่ 2 จะเป็นทางภาคใต้ ลำดับที่ 3 จะเป็นทางภาคตะวันตกหรือภาคกลาง
ดร.ปริญญา กล่าวอีกว่า สำหรับแผ่นดินไหวที่จะเกิดในกาญจนบุรีค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวระดับเล็กหรือระดับปานกลาง แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็น้อย ถ้าหากดูลักษณะของน้ำพุร้อนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี น้ำพุร้อนค่อนข้างจะนิ่งอุณหภูมิก็ต่ำประมาณ 40 องศา แสดงว่าการขยับของรอยเลื่อนนั้นมันมีค่อนข้างจำกัด เมื่อเทียบกับภาคเหนือและภาคใต้ ส่วนที่สองคือรอยเลื่อนสกายเอียงไปทางตะวันตก เพราะฉะนั้นพลังงานต่าง ๆ ที่ถูกปลดปล่อยขึ้นไปทางเหนือมากกว่าปลดปล่อยมาทางกาญจนบุรี ถ้าดูจากแผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของพม่าเอง ซึ่งพม่าก็มีข้อมูลแผ่นดินไหวมากกว่าของเรา ตลอดแนวรอยเลื่อนสกาย ซึ่งข้อมูลย้อนหลังกลับไป 2 พันปี ก็จะพบว่าในพม่านั้นแผ่นดินไหวระดับรุนแรงพุกามไปถึงมัณฑะเลย์ แล้วก็ขึ้นไปทางเหนือนั้น เป็นแนวแผ่นดินไหวรุนแรง แผ่นดินไหวระดับรองลงมา ก็จะเข้ามาตามแนวรอยตะเข็บของไทย ซึ่งบริเวณที่เป็นรอยตะเข็บที่ติดในชายฝั่งทะเลอันดามันของพม่า และเป็นความรุนแรงค่อนข้างต่ำ ส่วนประเทศไทยนั้นอยู่ไกลจากรอยเสี่ยงที่มีการเคลื่อนตัวค่อนข้างมาก รอยต่อระหว่างแผ่นธรณี ร่องลึกใต้มหาสมุทรในอันดามันประเทศไทยนั้นอยู่ห่างถึง 500 กิโลเมตร รอยเลื่อนสกายก็อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 200 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นพลังงานที่จะปลดปล่อยมาทางจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ค่อนข้างที่จะต่ำกว่าพื้นที่อื่นที่ได้กล่าวมาซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีถือว่าโชคดี.
|