ตัวแทนจำหน่ายและอู่ติดตั้ง
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 3
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 176
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 2,760,060
 เปิดเว็บ 11/03/2554
 ปรับปรุงเว็บ 02/03/2567

  ข่าวยานยนต์
ทดสอบ NISSAN SYLPHY ประสบการณ์ความสุนทรีย์
[21 กันยายน 2555 10:41 น.]จำนวนผู้เข้าชม 5401 คน

บริษัท Nissan เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ ร่วมลงทำการทดสอบรถซีดานรุ่นใหม่ล่าสุด Nissan Sylphy ยนตรกรรมซีดานชนาดเล็กที่มีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่โตระดับซาลูนขนาดกลาง นี่คือผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดจาก Nissan หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศจีนจากตัวเลขยอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง รถ Nissan Sylphy เปิดตัวอย่างร้อนแรงไปเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ด้วยรูปลักษณ์ใหม่หมดจดทั้งคัน เครื่องยนต์ใหม่สองขนาดทั้ง 1.6 ลิตร MRA8DE และ 1.8 ลิตร HR16DE ที่เน้นความประหยัดมากกว่าประสิทธิภาพของแรงบิด โดยชูห้องโดยสารที่มีพื้นที่กว้างขวางระดับรถซาลูน เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบๆ จนไม่น่าเชื่อว่า Nissan Sylphy จะทำได้ดีกว่ารุ่น Sunny NEO แบบเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว


เริ่มต้นทดสอบด้วยรถ Sylphy รุ่นสูงสุด 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ทั้ง 11 คัน สตาร์ตจากหน้าโชว์รูม Nissan เชียงใหม่มุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุหริกุญชัย จังหวัดลำพูน ระยะทางรวม 37.4 กิโลเมตร เป็นทางตรงยาวๆ ที่ใช้ทดสอบระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์ไฟฟ้าสายพานแบบ XTRONIC CVT พัฒนาการของระบบส่งกำลังยุคใหม่ในรถ Nissan Sylphy ที่ให้อัตราทดลื่นไหล แม้จะไม่กระชับฉับไวในรอบปานกลางถึงรอบเครื่องยนต์สูงๆ ผมจับคู่กับพี่สมวิน คอลัมนิสต์ชื่อดังจากนิตยสารรถยนต์หัวนอกของอังกฤษ EVO Magazine Thai Edition โดยพี่สมวินรับหน้าที่ขับขี่เป็นไม้แรกจากหน้าโชว์รูม Nissan ในจังหวัดเชียงใหม่แล้วลากยาวไปจนถึงเขื่อนแม่งัด หลังจากนั้นผมจะเข้ามาเสียบต่อจากบริเวณสันเขื่อนไปจนถึงโรงแรมที่พัก รวมระยะทางในการทดสอบ Nissan Sylphy 210 กิโลเมตร


เมื่อนั่งอยู่ในเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ความรู้สึกโปร่งโล่งใน Sylphy เกิดจากการออกแบบพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะที่กว้างมากกว่าปกติ เบาะคู่หน้าและเบาะผู้โดยสารตอนหลังหุ้มด้วยหนังแท้โทนสีอ่อน ตำแหน่งของคอนโซลกับการจัดวางอุปกรณ์อยู่ในระดับทั่วๆไป โดยมีรูปแบบของสวิตช์ ปุ่มต่างๆ ตามแบบอย่างของค่าย Nissan พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนังแท้มีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นไว้ปรับเครื่องเสียง พวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทางตามความต้องการที่ครอบคลุมสรีระของผู้ขับขี่ หน้าปัดมาตรวัดใช้แบบเรืองแสงตามสมัยนิยม พื้นเป็นสีขาวสลับสีดำทำให้อ่านค่าได้ง่ายทั้งความเร็วรอบและความเร็วของตัว รถ ใจกลางมาตรวัดมีจอแสดงผล Multi Information Display หรือ MID แจ้งเตือนข้อมูลที่สำคัญระหว่างการใช้งาน เมื่อผมลองย้ายก้นไปนั่งยังเบาะผู้โดยสารตอนหลังก็พบกับความกว้างในระดับ บิ๊กซาลูน น้องๆ รถเก๋งขนาดกลางที่มีมิติของห้องโดยสารชนิดเหลือเฟือมากจนเกินพอ มันนั่งได้สบายพอๆ กับรถผู้บริหาร ทั้งการวางเท้า หรือการเอนตัวพักผ่อน ช่องแอร์หลังที่ติดมาให้ ยังช่วยเติมเต็มระดับของความสะดวกสบายที่รถยุคใหม่เกือบทุกรุ่นต้องขวนขวายหามาติดตั้งเพื่อเอาอกเอาใจลูกค้า


ความนิ่มนวลของระบบ รองรับจาก Nissan Sylphy ทำให้นั่งนุ่มสบายก้นจากชุดกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลงที่ปรับเซตค่าการยืด-ยุบตัวแบบหยุ่นๆ ส่วนช่วงล่างหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม กับเหล็กกันโคลง เป็นช่วงล่างยอดนิยมของรถขับเคลื่อนล้อหน้าทั่วไป ที่ระดับความเร็ว 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการเก็บเสียงที่วิศวกรของ Nissan คุยว่าลงมือลงแรงอย่างหนักเพื่อทำให้ Nissan สามารถซับเสียงแปลกปลอมจากภายนอกเช่นเสียงของลมที่ปะทะในย่านความเร็วสูงกับ เสียงของยางที่บดไปบนพื้นถนน ความรู้สึกส่วนตัวของผมคิดว่ามันยังอยู่ในระดับปกติทั่วไปและยังไม่มีความโดดเด่นด้านการเก็บเสียงเท่าที่ควร เมื่อลองย้ายไปนั่งที่ตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังก็พบกับพื้นที่กว้างขวางจน แปลกใจว่ามันจะใหญ่โตไปถึงไหน ห้องโดยสารของ Nissan ยุคใหม่ที่ถูกเน้นด้าน Space มีความใหญ่โตโอฬารเกินโมเดล ทั้ง Almera ที่วางขายเมื่อช่วงต้นปี ตามติดด้วย Sylphy ที่กำลังทำตลาดอยู่ในห้วงเวลานี้


หลังจากแวะทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารโป่งแยงแอ่งดอย ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy ทั้ง 12 คันออกเดินทางต่อไปยังเขื่อนแม่งัดซึ่งเป็นจุดแวะพักต่อไปในช่วงบ่าย ระยะทาง 50.4 กิโลเมตรจากร้านอาหารไปยังตัวเขื่อน เป็นทางลาดยาง ขึ้น-ลง เขาคดเคี้ยววกไปวนมา พี่สมวินจาก EVO Magazine Thai Edition เริ่มทิ้งระยะจากรถคันข้างหน้าเพื่อความปลอดภัยเมื่อสภาพเส้นทางเปลี่ยนจาก ทางราบมาเป็นทางขึ้น-ลงเนินเขากับโค้งสารพัดรูปแบบที่ต้องผจญตลอดระยะทาง 50 กิโลเมตร ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นจากรถคันนำ เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับระบบรองรับและชุดบังคับเลี้ยวของ Nissan Sylphy ได้อย่างเต็มที่ อาการโคลงตัวเมื่อหักเข้าสู่โค้งบนเส้นทางหมายเลข 107 จากแม่ริมมุ่งหน้าอำเภอแม่แดง ปรากฏให้เห็นบ้างในบางโค้งที่ต้องขับเข้าไปหาด้วยความเร็วสูงแต่ไม่มากจนน่ากลัว การถ่ายเทน้ำหนักอยู่ในระดับที่เป็นกลาง เมื่อขับมาสักพักใหญ่ๆ วิวทิวทัศน์สองข้างทางกลับยิ่งสวยงามขึ้นทุกขณะ ฝนที่ตกพรำๆ มาตั้งแต่ช่วงเช้าเริ่มซาลงและแทนที่ด้วยแสงแดดกับสีฟ้าสดใสของ ท้องฟ้าในแถบเขื่อนแม่งัด ทำให้มุมมองของบริเวณนี้กระจ่างตามากยิ่งขึ้น


เขื่อนแม่งัดเป็นเขื่อนดินถมสูง 59 เมตร ยาว 1,950 เมตร พื้นที่ของอ่างเก็บน้ำมีขนาดประมาณ 16 ตารางกิโลเมตร สามารถเก็บกักน้ำได้สูงสุดถึง 265 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแม่งัดเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2520 โดยกรมชลประทาน การก่อสร้างตัวเขื่อนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2527 ต่อมา กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) ได้เข้ามาดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำในปี พ.ศ. 2528 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2528 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดกำลังผลิตเครื่องละ 4,500 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 9,000 กิโลวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 19 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเขื่อนว่า “เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล” เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2529 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy จอดแวะทานกาแฟกันบนสันเขื่อนแม่งัด พร้อมๆ กับการเก็บบันทึกภาพรถ Sylphy กับพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปในช่วงทดสอบสุดท้ายบนเส้นทางเขื่อนแม่งัด-เวียงกุมกาม


ระยะทาง 60.4 กิโลเมตรจากเขื่อนแม่งัดมุ่งหน้าเวียงกุมกามเป็นทางภูเขาสลับเนินและทางโค้ง หลากหลายรูปแบบ เป็นเส้นทางช่วงสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นสุดการทดสอบในวันนี้ ผมเข้ามารับหน้าที่ขับต่อจากพี่สมวินซึ่งเปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารด้วย อิริยาบถสบายๆ บนเบาะผู้โดยสารตอนหน้า เมื่อเริ่มต้นขับออกจากตัวเขื่อนลงมายังพื้นที่ข้างล่างซึ่งเต็มไปด้วยป่าเบญจพรรณที่ชุ่มชื้นเขียวครึ้มทั้งสองข้างทาง พวงมาลัยที่เบามากจนขาดสัมผัสที่ดีทำให้ผมต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พอสมควรเพื่อให้ชินกับความเบาของพวงมาลัยแบบแรคแอนพีเนียนซึ่งทำงานด้วยปั๊มไฟฟ้าแบบ EPS - Electronic Power Steering พวงมาลัยรถยนต์ในยุคนี้ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองจากระบบเดิมๆ ที่เคยใช้สายพาน คล้องไปยังพูเล่ย์ติดกับเครื่องยนต์ เพื่อหมุนปั๊มน้ำมันไฮดรอลิกไปหล่อเลี้ยงแรคพวงมาลัยในชุดบังคับเลี้ยวที่ค่อนข้างกินกำลังเครื่องยนต์ ปัจจุบันระบบบังคับเลี้ยวของรถยนต์สมัยใหม่ได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นระบบ EPS ใช้ปั๊มเพาเวอร์ที่ทำงานด้วยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ น้ำหนักที่แปรผันไปตามความเร็วเกิดจากการออกแบบเซนเซอร์ควบคุมโซลินอยวาล์ว เพื่อลดหรือเพิ่มระดับแรงดันของน้ำมัน ทำให้มันสามารถแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วที่แท้จริงของตัวรถ แต่พวงมาลัยใน Sylphy กลับมีน้ำหนักเดียวแม้ความเร็วจะเพิ่มสูงขึ้น มันให้ความรู้สึกที่เบาสบายมือมากที่ย่านความเร็วต่ำหรือช่วยให้หมุนได้ อย่างสะดวกยามต้องถอยเข้า-ออก แต่ในย่านความเร็วสูงนั้น มันยังคงเบาหวิวอยู่เหมือนเดิม ทำให้ผมต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พอสมควรเมื่อเส้นทางทดสอบในช่วงสุดท้ายอุดมไปด้วยทางโค้ง ความเร็วที่เพิ่มขึ้นไปอีกทำให้ผมยิ่งระแวงจนต้องวิทยุบอกกับรถคันหลังว่าขอรูดไปปิดท้ายขบวนแทนที่จะอยู่ตรงกลางแล้วสร้างปัญหาให้กับรถคันที่ตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด


ระยะทาง 60 กิโลเมตรในช่วงสุดท้าย กว่า 30 กิโลเมตรที่ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy ต้องวิ่งผ่านเส้นทางภูเขาที่มีเนินยาวๆ และโค้งขึ้น-ลงวกไปวนมา ความเร็วในบางช่วงบางตอนไล่กันไปจนถึง 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อเข้าสู่ทางบนพื้นราบ ระบบส่งกำลังของ Nissan Sylphy ผ่องถ่ายความนิ่มนวลไหลลื่นเนื่องจากเป็นเกียร์สายพานแบบ XTRONIC CVT รอบเครื่องยนต์ที่ปรับจูนมาเพื่อรองรับเกียร์ CVT มีความเหมาะสมจากการทำงานในรอบที่ต่ำกว่าปกติเพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อ เพลิงเมื่อใช้ความเร็วเดินทางในระดับปกติ การเร่งแซงในรอบกลางๆ ตัวรถมีอาการไหลเนือยๆ ไม่ได้พุ่งทะยานอย่างที่คิด แต่การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งจากสัญญาณไฟจราจรทำได้น่าพอใจและไม่มีความรู้สึก ว่ามันอืดอาดแม้แต่น้อย กำลังที่รอบเครื่องยนต์ 1,500-3,600 รอบต่อนาทีที่เจ้า Sylphy ส่งถ่ายแรงบิดได้ดีในรอบต่ำทำให้มันเหมาะกับการใช้งานในเมือง สำหรับการวิ่งทางไกลคงทำได้แค่เรื่อยๆ มาเรียงๆ เมื่อต้องการกำลังในจังหวะเร่งแซงและต้องกะระยะแซงให้มากขึ้นเล็กน้อย


ที่ เวียงกุมกาม หลังจากเยี่ยมชมโบราณสถานที่มีความสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy ใช้ความเร็วต่ำโดยมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งนำไปยังโรงแรมที่พัก ความสดใสใหม่เอี่ยมของโมเดล Sylphy ดึงดูดสายตาของผู้คนในเชียงใหม่ให้หันมามองด้วยความสนใจ ผมขับตามรถคันนำไปเรื่อยๆ พลางคิดถึงสภาพการที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับการทดสอบตลอดทั้งวันที่ผ่านมาบน ระยะทางเกือบๆ สามร้อยกิโลเมตรในจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ เจ้า Nissan Sylphy มีจุดเด่นอยู่ที่ห้องโดยสารอันโอ่โถง อุปกรณ์และรูปแบบของการจัดวางอยู่ในระดับที่ดี วัสดุภายในค่อนข้างดี ใช้โทนสีที่มีความเหมาะสมกับสไตล์และรูปแบบที่เน้นความสวยงามลงตัว ช่องแอร์ที่เบาะด้านหลังซึ่งถูกเสริมเติมเข้ามายังทำให้ความเย็นกระจายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อต้องจอดตากแดดเป็นเวลานาน เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร รหัส MRA8DE ให้กำลังในรอบต้นถึงปานกลางใช้ได้เลยทีเดียว ส่วยรอบสูงๆ ที่ต้องคิกดาวน์ออกอาการเนือยมาก ไปสักนิด ระบบหัวฉีดคู่หรือ Dual Injector System ในรุ่น 1.6 ลิตร ยังช่วยเข้ามาบริหารการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนชุดวาล์วแปรผัน Twin C-VTC ที่คอยควบคุมการเปิด ปิดของวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียให้มีความสัมพันธ์ โดยนำไอเสียมาเผาไหม้อีกครั้ง ทำให้ช่วยลดค่าแรงต้านในกระบอกสูบ ซึ่งส่งผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงและค่า Co2 ยังต่ำลงกว่าเครื่องยนต์รุ่นที่แล้วอีกด้วย


รถ Nissan Sylphy คันทดสอบเป็นรุ่นสูงสุด 1.8 V Navi CVT ราคา 931,000 บาท น่าจะเป็นราคาที่มีความเหมาะสมเมื่อเทียบกับอุปกรณ์และสมรรถนะของการขับขี่ ที่ได้รับจากมัน หากคุณมีความสนใจ ลองไปหาขับทดสอบดูทั้งรุ่น 1.6 ลิตร -1.8 ลิตร แล้วลองเปรียบเทียบกับบรรดาคู่แข่งที่อยู่ในตลาดรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ไม่ เกิน 1,800 ซีซี ทั้งราคา สมรรถนะและความคุ้มค่าคุ้มราคาในการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน ความคิดเห็นส่วนตัวของผม นอกเหนือไปจากพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบาแล้ว ในส่วนอื่นๆ มันทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ทั้งการขับขี่ พื้นที่ของห้องโดยสาร อุปกรณ์ใหม่ๆ บนนวัตกรรมของการพัฒนาที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้ Nissan Sylphy เป็นยนตรกรรมที่สามารถตอบโจทย์การเป็นรถครอบครัวของคนเมืองได้อย่างไม่เคอะเขินอีกคันในตลาดรถซีดานขนาดเล็กของเมืองไทย.

ข่าวยานยนต์
- ทิศทางยานยนต์ไทย ผ่านมุมมอง′บิ๊กโตโยต้า′ [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- เท่ขั้นเทพ 'WaterCar Python' สุดยอดพาหนะ ไม่สะท้านแม้น้ำครองโลก!! [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- 86 รถสปอร์ตยุคใหม่จากโตโยต้า [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- บางจาก-ปตท.ลดน้ำมัน กลุ่มโซฮอล์ลิตรละ 50 สต [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- โตโยต้าไทยร่อนจดหมาย เรียก"คัมรี-โคโรลล่า-วีออส-ยาริส" เข้าตรวจสอบสวิตช์กระจกไฟฟ้า 160,907 คัน [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- สุดจี๊ด ! มอเตอร์ไซค์"พลังไฟฟ้า" ซีโร่ เอฟเอ็กซ์ [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- "ฟอร์ด"เรียกคืน"เฟียสต้า" กว่า 150,000 คัน ระบบถุงลมนิรภัยมีปัญหา [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- รถสปอร์ตคูเป้รุ่นล่าสุดของ Toyota [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- 'Silver Fox' รถแห่งอนาคตที่ถูกลืมทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์ [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
- HONDA FIT HYBRID RS ของดีที่อดขับ [21 กันยายน 2555 10:41 น.]
ดูทั้งหมด

ข้อควรปฎิบัติในการแสดงความคิดเห็น

  • ไม่โพสคำหยาบ

  • ไม่พาดพิงผู้อื่นในทางเสียหาย

  • ไม่พาดพิงถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของชาวไทย

หากตรวจพบจะทำการลบข้อความนั้นๆ ทิ้งทันที

  แสดงความคิดเห็น

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

ชื่อ: *
E-mail : *
ไม่ต้องการแสดง Email
รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป

Engine by MAKEWEBEASY