ย้อนรอย 'วรงค์' ถล่มเละจำนำข้าวกลางสภา แฉจอมบงการ
รุกฆาต รบ.ปู

ถือเป็นหนึ่งบุคคลที่เกาะติดความไม่ชอบมาพากลโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในช่วงที่ผ่านมา แบบกัดจิกไม่ปล่อยของ "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" ซึ่งขณะนั้นเป็น ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โดยออกมาปูดเบื้องหลังการทุจริตจำนำข้าวในหลายขั้นตอน แบบเป็นฉากๆ และมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง โดยเฉพาะคนใกล้ชิดในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

จนนำมาสู่การยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธาน กระทั่งเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ถูกชี้มูลความผิดข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าว ไปตามคาด ด้วยมติ 7 ต่อ 0

หากย้อนไปเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2556 "หมอวรงค์" คนนี้ ได้เป็นผู้เปิดแผลการทุจริตจำนำข้าว สาวถึงจอมบงการของนายทุนผูกขาดด้านข้าว ซึ่งใกล้ชิดนายใหญ่ ที่อยู่ต่างประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2557 วาระ 1 อย่างดุเดือดเผ็ดมันทีเดียว โดยลุกขึ้นอภิปรายท้วงติงการตั้งงบประมาณกว่าแสนล้านบาทในโครงการจำนำข้าว ที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบายข้าวผ่านผู้ประกอบการ สมัย "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" เป็นเจ้ากระทรวงพาณิชย์ ที่อ้างเป็นความลับ งานนี้ "หมอวรงค์" สับเละ มองว่าเป็นช่องทางการตุกติกหาเงินใส่กระเป๋า พร้อมข้อมูลอ้างอิง ในการขายข้าวขาว เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2554 จำนวน 800 ตัน ราคาตันละ 5,700 บาท แก่โรงสีแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ซึ่งต่อมาในวันที่ 22 ธ.ค. 2554 โรงสีดังกล่าว ได้นำข้าวลอตนี้ไปขายต่อโรงสีแห่งหนึ่งในจังหวัดเดียวกัน ในราคาตันละ 12,000 บาท โดยใช้แฟกซ์โอนใบมอบอำนาจแค่ใบเดียว สรุปว่า มีการฟันส่วนต่างถึง 6,300 บาท ต่อตัน ดูเหมือนจะมีการสมคบคิด และเป็นไปไม่ได้ที่เจ้ากระทรวงพาณิชย์จะไม่รู้เห็น

และในฐานะที่ "หมอวรงค์" เป็นผู้ขุดคุ้ยเรื่องทุจริตจำนำข้าว เรียกได้ว่าเป็นมือวางอันดับหนึ่งก็ว่าได้...ในการประชุมวันนั้น ได้ทำให้หลายคนเสียวสันหลังวูบ เพราะมีการระบุถึงไอ้โม่งจอมบงการ อักษรย่อ "ว" ในกระทรวงพาณิชย์ แถมยังเป็นคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวในทุกชุดของรัฐบาลอีกด้วย แม้มีการปรับ ครม. วางให้ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" มานั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ แต่บุคคลคนนี้ก็ยังทำหน้าที่สำคัญต่อในกระทรวง และทำงานฟันส่วนต่างจากการระบายข้าวร่วมกับภรรยา ซึ่งมีบริษัทส่งออกข้าว แต่ต่อมามีการจดทะเบียนหย่า ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า การหย่าอาจจะเพื่อการอำพรางบางสิ่งบางอย่างก็ได้

ภายหลัง "หมอวรงค์" เปิดข้อมูลใหม่ดังกล่าวเกี่ยวกับการทุจริตจำนำข้าว ในการประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ซึ่งต่อมาในวันรุ่งขึ้น (30 พ.ค.56) "กล้านรงค์ จันทิก" คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ได้สั่งเจ้าหน้าที่แกะเทปข้อมูลมาประกอบการพิจารณา พร้อมเปิดทางให้ "หมอวรงค์" หากมีหลักฐานใหม่ก็สามารถมายื่นให้ ป.ป.ช. นำมาประกอบการพิจารณา

อย่างไรก็ตาม จากความพยายามเปิดเผยข้อมูลทุจริตจำนำข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ "หมอวรงค์" ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ได้มีการสรุปการทุจริตจำนำข้าวใน 4 ขั้นตอนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ 1. การขึ้นทะเบียนชาวนา อาทิ การขึ้นทะเบียนพื้นที่ปลูกข้าวเกินความเป็นจริง รวมถึงการแจ้งผลผลิตข้าว และเขียนใบประทวนเกินความเป็นจริง สู่ช่องทางนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์จำนำข้าว 2. การนำข้าวเปลือกเข้าโรงสี โดยการทำให้ข้าวผิดรูป โกงความชื้นและระบบตาชั่ง รวมถึงโกงใบประทวน เป็นต้น

3. การนำข้าวสารที่สีแล้วเข้าโกดัง ซึ่งมีการเก็บค่าใต้โต๊ะ ค่าต๋ง เปิดช่องให้โรงสีส่งข้าวคุณภาพต่ำ เป็นต้น ทำให้ข้าวในสต๊อกขายไม่ออกจนล้นโกดัง หรือถูกกดราคา เพราะข้าวคุณภาพต่ำ และ 4. การระบายข้าว ซึ่งมีหลักฐานอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการขายข้าวจีทูจีกับจีน กลับพบว่าไม่มีการขายแต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาได้เป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ และเป็นจุดเริ่มในการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ กระทั่งเป็นเหตุให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกแจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

รวมถึงหลักฐานเชิงประจักษ์ จากหนังสือเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ทั้ง 4 ฉบับ ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีการทักท้วงการดำเนินงานโครงการนี้ มาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2557 ว่ามีความผิดปกติ และส่อทุจริตอย่างชัดเจนทุกขั้นตอน อาทิ ข้าวในโครงการเสื่อมคุณภาพเร็ว และมีข้าวสารสูญหาย มีการปิดบังข้อมูลจำนวนข้าวคงเหลือในคลังสินค้ากลางแต่ละแห่ง รัฐบาลมีการระบายข้าวเปลือกจากการรับจำนำออกเป็นจำนวนน้อยและล่าช้ามาก ส่งผลให้ข้าวสารเสื่อมคุณภาพ และรัฐบาลมีผลขาดทุนจากการจำหน่ายข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำ โดยราคาจำหน่ายข้าวแต่ละครั้งมีแนวโน้มต่ำลงทุกครั้ง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบว่า ข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผล และยังไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ได้อย่างถี่ถ้วน ทำให้เกษตรกรบางรายแจ้งพื้นที่ปลูกข้าวเกินความจริง และการบันทึกข้อมูลและรายงานผลการออกใบรับรองเกษตรกรไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาสวมสิทธิ์เกษตรกร ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ป.ป.ช. นำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งถือว่ารับรู้ปัญหาเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว โดยเพิกเฉย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ กระทั่งถูกชี้มูลความผิดในที่สุด กลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของไทย แม้ผู้เกี่ยวข้องพยายามเข้าชี้แจงปฏิเสธข้อกล่าวหา ปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วก็ตาม

คงต้องติดตามช็อตต่อไป...ภายหลัง ป.ป.ช. เห็นควรให้ยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามมาตรา 170 ให้แยกสำนวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมถึงพิจารณาห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี และคดีอาญา ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ช. ให้ไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความ

งานนี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นอย่างไร? ก็ต้องจับตาในกระบวนการต่อไป คาดว่าคงจะอีกนานทีเดียว เพราะเพลานี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ายึดอำนาจ พร้อมกับภารกิจเร่งด่วนในการจ่ายเงินจำนำข้าวที่ค้างกว่า 9 หมื่นล้านบาท ให้กับชาวนา และไม่ทันไรกระแสข่าวข้าวในสต๊อกรัฐหายไปกว่า 3 ล้านตัน ก็ได้ผุดขึ้นมาในทันใด เสมือนน้ำลดตอผุด กลายเป็นว่าเจอทุจริตข้าวซ้ำซาก จึงไม่แปลกที่ "หมอวรงค์" มือวางอันดับหนึ่ง เรื่องแฉทุจริตข้าว จะเข้ามาขุดคุ้ยอีกครั้ง!!