แม้อาจเป็นเพียงข่าวเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นความหวังใหญ่หลวงของคนทั้งประเทศ แล้วเมื่อวานที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน โดยนายสมพล เกียรติไพบูลย์ รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกมาเปิดเผยว่า จะเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการพิเศษ 1 ชุด เพื่อเข้ามาตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด โดยเฉพาะกรณี ที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบผลการดำเนินโครงการในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา พบขาดทุนสูงถึง 5 แสนล้านบาทว่า ขาดทุนอย่างไร บุคคลใดต้องรับผิดชอบ มีการทุจริตหรือไม่ เพื่อเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบ เนื่องจากเรื่องนี้ เป็นที่สนใจของคนไปทั่วทั้งโลก
“องค์กรเห็นว่า เมื่อ คสช. มีอำนาจเด็ดขาดที่สามารถขอข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ต่างจากที่คณะกรรมการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเวลาขอข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ที่ขอได้ยากมาก ซึ่งจะทำให้การทำงานรวดเร็วกว่า ป.ป.ช.”
ขณะที่ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ข้อเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษในการตรวจสอบ การขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าว ไม่ได้อยู่ในแถลงการณ์ขององค์กร เพราะเป็นความเห็นของสมาชิก ที่ต้องการรับทราบเกี่ยวกับปัญหาการขาดทุน ในโครงการดังกล่าว และต้องการให้ประชาชนได้รับทราบว่า มีการทุจริตกันจริงหรือไม่ จึงเป็นข้อเสนอพิเศษที่ออกมาในครั้งนี้
2. การส่งเสริมและให้อำนาจองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการทุจริตฯ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีอิสระและมีประสิทธิภาพ
3. การส่งเสริมและสร้างกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ
และ 4. การปฏิรูประบบการเลือกตั้ง ส.ส. และระดับท้องถิ่นให้มีความโปร่งใส เพื่อให้ได้ผู้นำประเทศที่บริหารบ้านเมืองโดยยึดหลักธรรมาภิบาล
"องค์กรต้านโกงขอเรียกร้อง คสช. ให้ตั้งคณะกรรมการพิเศษตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว เพื่อหาข้อเท็จจริง ขาดทุนยังไง ใครต้องรับผิดชอบ โกงกันตรงไหนบ้าง
เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดี "ในการแปรวิกฤติให้เป็นโอกาส" เนื่องจากการเมืองไทยที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เข้าสู่ทางตันจริงๆ จนทำให้กองทัพต้องตัดสินใจออกมาทำรัฐประหาร ก็ถือซะว่า เป็นโอกาสอันดีของประเทศ ที่จะทำการปฏิรูปในทุกด้านอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้แถลงต่อพี่น้องประชาชน และอย่างที่หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันทุจริตฯ ออกมาเรียกร้องให้แก้ปัญหาการคอร์รัปชัน ซึ่งกัดกร่อนประเทศไทยมาชั่วนาตาปี การทุจริตซึ่งแพร่หลายไปในทุกวงการ ถือเป็นต้นตอของปัญหาเกือบทุกด้านของประเทศไทยที่เรื้อรังมาอย่างยาวนาน ก็หวังว่าจะได้รับการเปลี่ยนแปลง แก้ไขอย่างจริงจังเสียที
และคงไม่ใช่เพียงแค่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเท่านั้น ที่ออกมาเรียกร้อง แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ก็เชียร์ให้ คสช. จริงจัง ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จเป็นที่ประจักษ์เช่นกัน เพราะมันเกี่ยวพันถึงอนาคตของคนไทยทุกคน ประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้มาก ถ้าสามารถจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างได้ผล ปัญหานี้ชอนไชเข้าไปส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในทุกวงการ หรือ ถ้าจะประเดิมทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ในงานโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานประเทศ (ทำเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นก่อน) ที่ คสช.ตีปี๊บ จ่อที่จะประกาศเดินหน้าภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ หลังได้ใจพี่น้องชาวนาทั่วประเทศ ที่สั่งจ่ายเงินค่าจำนำข้าว มูลค่ากว่า 9.2 หมื่นล้านบาทมาแล้ว
ลองคิดดู ยิ่งถ้าช็อตต่อมา คสช. สามารถโชว์ผลงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน อย่างได้ผลจริงจัง ก็จะเป็นการตอกย้ำคำพูดของหัวหน้าคณะ คสช.ยิ่งขึ้นว่า "ที่ต้องเข้ามา เพราะมีความจำเป็น และทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ"
ถึงตอนนั้น ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ คงติดลมบนยากตกแน่ ถ้าทำดีอาจมีโอกาสได้เป็นอย่างเพลงที่ "พี่แอ๊ด คาราบาว" แต่งไว้ให้ "นาวารัฐบุรุษ" ก็เป็นได้ ยิ่งช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วง "นาทีทอง" ที่ประเทศไทย จะอย่างไรก็ต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ โอกาสทุกอย่างเปิดให้สามารถทำได้ ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะกระทำมัน ดังนั้น ขออนุญาตเชียร์ดังๆ หากทำได้อย่างที่บอก ทำเลยเถอะ คสช.!