ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การเดินหน้าปรองดองตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสลายสีเสื้อต่างๆ ด้วยการตั้ง "สภาสมานฉันท์" ในชื่อ"ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป" ขึ้นในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ประชาชนได้แลกเปลี่ยนความคิด รวมถึงเป็นศูนย์ให้ข้อมูลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของประเทศ
โดยในเขตกรุงเทพฯ ได้จัดกิจกรรมปรองดอง คืนความสุขให้คนไทยอย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งภาคอีสาน ซึ่งเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีแกนนำใหญ่ อย่าง นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มแดงอีสาน 20 จังหวัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว โดยได้เข้าร่วมจิบกาแฟสลายสีเสื้อกับคู่ขัดแย้ง และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสานก็มีนั่งพูดคุยกันในโต๊ะกาแฟเช่นกัน
แต่ทว่าความเคลื่อนไหว การปรองดอง ในภาคเหนือเองที่ถูกจ้องไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นพื้นที่สีแดง ยังไม่ค่อยมีข่าวปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือสื่อออนไลน์ มากนักถึงเรื่องนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เคยมีความเคลื่อนไหวเพื่อแบ่งแยกประเทศ และเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ภายใต้การอ้างชื่อของ กลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา หรือ สปป.ล้านนา ซึ่งถูกก่อตั้งเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2556 ในช่วงก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนอีกด้วย
พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 3 กล่าวกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า เรื่องศูนย์ปรองดองในนามของกองทัพภาคที่ 3 ได้ให้ทุกหน่วยในภาคเหนือที่มีพื้นที่อยู่ใน 17 จังหวัด ได้ประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวอยู่ในแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าตรวจโครงการรับจำนำข้าวต่างๆ ขณะนี้คาดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พล.ท.ปรีชา กล่าวต่อว่า การปรองดองขณะนี้ยังต้องใช้เวลา ตอบไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตอบไม่ได้ ทำได้เพียงแค่คาดว่า ทหารเป็นผู้อำนวยความสะดวกต่างๆ โดยให้เริ่มจากครอบครัวมาคุยกัน ปัจจุบันไม่คุยกัน เพราะคนนี้ชอบอันนี้ คนนี้ชอบอันนี้ จากที่ไม่คุยกัน ก็จะหันหน้าเข้ามาคุยกันกับครอบครัว ให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันได้ และจะยกระดับขึ้นเป็นตำบล หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด ซึ่งมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติอยู่แล้ว มีตัวการขับเคลื่อนอยู่แล้ว เพื่อให้เข้าไปหาทุกฝ่าย โดยมีพลเรือน ตำรวจและทหารเป็นตัวช่วยกัน
"การปรองดองคงจะใช้ระยะเวลาหนึ่ง ห้วงเวลาหนึ่ง ตอบไม่ได้ว่าจะปรองดองได้หรือไม่แต่คาดว่าคงจะดีขึ้นกว่าสภาพเดิมที่อยู่ในอดีตที่ผ่านมา ขณะนี้เราทำไปแล้วในหลายพื้นที่ เช่น 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน" พล.ท.ปรีชา กล่าว
ส่วนจังหวัดที่มีความขัดแย้งมากและชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.เชียงใหม่ พล.ท.ปรีชา กล่าวว่า ทางคณะทำงานก็เข้าไปอยู่แล้ว ถ้าจะถามให้ชัดเจนก็ต้องไปถามหัวหน้า คสช. เอง ตนตอบไม่ได้ เนื่องจากต้องรอผลการปฏิบัติ
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับเน้นยํ้าให้ดูแลพื้นที่ภาคเหนือเป็นพิเศษหรือไม่แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ไม่มีการเน้นยํ้า ก็ให้ปฏิบัติเหมือนกันหมดทุกกองภาค 1 2 3 4 ทำเหมือนกันหมด ก็จะเน้นที่เรื่องอาวุธสงคราม ยาเสพติด บ่อนการพนัน อบายมุขต่างๆ ในพื้นที่ และเรื่องการดำเนินการป้องกันการปราบปรามตรงนี้ก็ได้ปฏิบัติไปแล้ว และได้ของกลางมามากพอสมควร ทั้ง 4 ภาคเราทำพร้อมกัน ทำเหมือนกันหมด ไม่มีสั่งการ ไม่ใช่พี่น้องมาสั่งการอะไรเป็นพิเศษก็ไม่ใช่
"ณ ขณะนี้ ยังมั่นใจว่าการปรองดองยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ยังไงมันต้องได้ ด้านประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือก็ตอบรับและยินดี ไม่ว่าความคิดเห็นจะต่างกันหรือไม่ ไม่ว่าจะสีไหน บางพื้นที่ก็เริ่มกลับมาคุยกันบ้างแล้ว เราจะอยู่กันต่อไป ก็เป็นไปตามวาระ และขั้นตอนที่วางไว้ต่อไป คาดว่าต้องใช้เวลา 1-2 เดือนตามกรอบที่ หัวหน้า คสช.ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้น" พล.อ.ปรีชา กล่าว
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกิจกรรมปรองดองว่า พื้นที่ปรองดอง ความจริงแล้วพื้นที่อีสานและภาคเหนือไม่มีข้อขัดข้องแล้ว อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่มากกว่าส่วนกลางด้วยซํ้า แต่อาจจะอยู่ที่การนำเสนอที่ไม่ทั่วถึงเท่านั้น
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า กิจกรรมนี้เป็นเพียงเริ่มต้น คือเป็นการเตรียมความพร้อมของคนตั้งแต่ในระดับพื้นที่ ระดับบ้าน ที่เราเริ่มจะมีทัศนคติ ต้องการให้ประเทศชาติพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น เพียงแต่วิธีการที่จะใช้ในแต่ละพื้นที่อาจจะต่างกัน วันนี้ทุกคนเริ่มจะยิ้มเข้าหากัน และจะเข้าสู่ระดับ 2 คือจะปฏิบัติการที่เป็นรูปแบบขึ้น ให้ขั้นตอนนั้นดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพ
"ขณะนี้ ในระดับพื้นที่ กอ.รมน. มีความพร้อม ในสภาพจิตใจของคนเป็นบวกมากขึ้น ก็คงทำไปเรื่อยๆ ระยะหนึ่ง และเข้าสู่ระยะที่สอง ตั้งสภาปฏิรูป ตั้งสภานิติบัญญัติ ขณะนี้ คสช. เตรียมความพร้อมในเรื่องของคน มีหลายแบบไม่ว่าจะชมภาพยนตร์ร่วมกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ สัญญาณขณะนี้เป็นสัญญาณที่ดี เช่น อุดรธานี ขอนแก่น และลำปาง" พ.อ.วินธัย กล่าว
ด้าน พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป. ที่ได้รับมอบหมายให้เดินสายพูดคุย เพื่อทำความเข้าใจกับแกนนำที่ถูกควบคุมตัวในค่ายทหารก่อนจะปล่อยตัว และขอความร่วมมือ ออกมาเปิดตัววานนี้ โดยกล่าวว่า ได้เข้าไปพูดคุยแกนนำคนเสื้อแดงในทุกพื้นที่ ซึ่งแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้รับปากจะเข้าร่วมในเวทีปรองดองในการพูดคุยรับฟังความคิดเห็นแล้ว
โดย พล.ท. กัมปนาท บอกถึงเป้าหมายของ ศปป. ว่า "แค่ทำให้ทุกคนหยุด ได้มีเวลาคิด ได้หยุดทะเลาะ แล้วมาคิดว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องทำให้ชาติบ้านเมืองเราสงบ ไม่อาจจะปล่อยให้ขัดแย้งแตกแยกกันหนักไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ก็พอใจแล้ว"
"หัวใจของการปรองดอง คือการทำให้คนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีสี ได้หยุด แล้วคิดถึงเวลาที่เราจะต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในชาติ ก็ถือว่าสำเร็จไปก้าวหนึ่ง โดยวันอังคารที่ 10 มิ.ย. นี้ จะเชิญทุกกระทรวง ทบวง กรม มาประชุมวางแผนการทำงานด้านปรองดองต่อไป"
อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าปรองดองเพื่อประเทศสงบสุข จะประสบความสำเร็จ แล้วคืนความสุขให้คนไทย ตามแผนปฏิบัติการปรองดองของหัวเรือใหญ่ นำโดย"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ที่วางไว้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ใหญ่สีแดง ที่มี "พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา" ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของหัวหน้า คสช. นั่งกุมบังเหียนบังคับเรือเล็กขนาบอยู่เคียงข้างพี่ชาย
จากนี้ไปต้องจับตาดู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคเหนือ-อีสาน ที่เป็นคนเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ของประเทศ และปัจจุบันแม้พื้นที่อีสาน ประชาชนบางส่วนได้จับเข่าคุยกันบ้างแล้ว แต่ทว่ายังคงเหลือพื้นที่ภาคเหนือที่ยังมีการต่อต้านรัฐประหารออกมาเป็นระยะ ถึงแม้แกนนำแดงภาคเหนือ 8 จังหวัดจะออกมาประกาศขอให้งดใส่เสื้อแดง ยุติการเคลื่อนไหว และขอให้ความร่วมมือกับ คสช. เลิกแบ่งพวกแล้วก็ตาม...